..วิหารลักซอร์
วิหารลักซอร์ ( Luxor Temple ) “Luxor”มาจากภาษาอารบิกว่า el-Askur มีความหมายตรงกับภาษาอังกฤษว่า “Castle”หรือ “Fortification” ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า “ป้อมปราการ” ภาษาอียิปต์โบราณของวิหารนี้คือ Ipet-resyt
.........สมัยที่นโปเลียนบุกอียิปต์ตอนแรกเค้าเชื่อกันเลยว่าวิหารลักซอร์เป็นพระราชวังมากกว่าวิหารเพราะรูปสลักสงครามการทำศึกและภาพโหดจนดูไม่น่าจะเป็นศาสนสถานได้ จริงๆ แล้วสมัยก่อนก็ถือว่าการทำสงครามเป็นการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอย่างหนึ่ง
.........เมืองลักซอร์แตกต่างจากกรุงไคโรโดยสิ้นเชิง ไม่แออัดด้วยจำนวนประชากรตั้งอยู่ในส่วนที่เรียกว่า Upper Egypt สะอาด สงบ ทิวทัศน์งาม โรแมนติก สร้างโดยฟาโรห์อเมโนฟิสที่ 3 พระองค์สร้างวิหารแห่งนี้พร้อมกันกับการบูรณะต่อเติมวิหารคาร์นัคไปด้วย หากนับอายุวิหารนี้ถึงปัจจุบัน จะมีอายุร่วม 3,400 ปีมาแล้ว และได้รับการปฏิสังขรณ์สานต่อจากฟาโรห์องค์ต่อมาหลายองค์ แต่ที่เด่นที่สุดฟาโรห์รามเสสที่ 2
ที่นี่เปรียบเสมือนบ้านที่สองเพื่อการพักผ่อนของเทพอะมอนราและครอบครัว คือเทวีมัต ( Mut ) และเทพคอนซู ( Khonsu ) และวิหารแห่งนี้ยังถูกจัดให้เป็นสถานที่เพื่อทำพิธีบูชาเทพเจ้าในช่วงเทศกาลโอเป็ต (Opet Festival ) โดยเฉพาะด้านหน้าวิหารถูกประดับด้วยสฟิงซ์ ( Sphinx ) หน้าคนสองข้างทาง เรียกว่า Court of Nectanebo I ซึ่งก็คือทางเดินที่อยู่ระหว่างเสาโอเบลิสก์ ( Obelisk ) กับ ทางเดินสฟิงซ์นั่นเอง
โดยสฟิงซ์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ลำดับที่ 30 โดยฟาโรห์ Nectanebo I แต่สร้างถนนตั้งแต่สมัยราชอาณาจักรใหม่ (New Kingdom) วิหารลักซอร์ตั้งอยู่ทางใต้ของวิหารคาร์นัค โดยแต่เดิมในอดีตนั้นเส้นทางนี้สามารถเชื่อมต่อถึงวิหารคาร์นัคด้วยถนนแคบ ๆ ระยะทางห่างจากคาร์นัคราว 2.5-3 กิโลเมตร
เส้นสีน้ำเงินเป็นทางเดินสฟิงซ์ที่ผ่านวิหารของเทพคอนซูซึ่งจะไปสิ้นสุดที่สระน้ำด้านหน้าวิหาร แต่ว่าทางเดินสฟิงซ์ที่ใช้ในพิธีโอเป็ตนั้นจะเดินตามเส้นสีแดงที่จากวิหารลักซอร์โดยจะไปหักมุมที่ Temple of Mut และตรงเข้าสู่วิหาร Karnak ตามแกนเหนือ-ใต้
.........เสาโอเบสิสก์ ( Obelisk ) ที่ตั้งโดดเด่น 1 ต้นอยู่ทางด้านหน้าของตัววิหาร ดูเหมือนจะเป็นสัญลักษณ์ควบคู่กับวิหารแห่งนี้ ความหมายของเสานี้คือ ชีวิต ความสว่าง และความรุ่งโรจน์ ปกติแล้วจะนิยมวางเสานี้ไว้เป็นคู่